กพช.วางนโยบายเข็น แผนฝ่าพิษพลังงาน น้ำมันดีเซลมีความผันผวน

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการหลักการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้พิจารณาสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ยังไม่มีข้อยุติ นำมาซึ่งการทำให้ราคาปิโตรเลียมเหลว (แอลเอ็นจี) และน้ำมันดีเซลในตลาดโลกมีความผันแปร และปรับตัวมากขึ้นในระดับสูง จากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของหลายประเทศทั่วทั้งโลก ทำให้เกิดการตึงตัวของอุปทาน ปิโตรเลียมและน้ำมัน รวมถึงการอ่อนตัวของค่าเงินบาท จึงเห็นดีเห็นงามมาตรการบริหารจัดการพลังงานในสถานการณ์วิกฤติราคาพลังงาน เดือน ต.ค.-เดือนธันวาคมนี้ อาทิเช่น มาตรการตามแนวทางการบริหารจัดการปิโตรเลียม ปี 2565 การจัดหาพลังงานไฟฟ้าเสริมเติมจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งมาตรการขอความร่วมมือสำหรับเพื่อการใช้พลังงานน้อยลงในภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม และเร่งรัดการยินยอมและอนุญาตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์

นายกุลิศสมบัติศิริ

การทำงานตามมาตรการดังกล่าวจะเทียบเท่าการลดการนำเข้าแอลเอ็นจี

พร้อมกันนี้ยังได้เห็นดีเห็นงามมาตรการเสริมเติม การขอความร่วมมือพลเมืองทั่วไป และภาคธุรกิจสำหรับเพื่อการใช้พลังงานน้อยลง มาตรการเหล่านี้จะเป็นมาตรการบังคับทันที หากราคาแอลเอ็นจีเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ 50 เหรียญต่อล้านบีทียูเป็นต้นไปต่อเนื่อง 2 สัปดาห์

กระทรวงพลังงาน

จากปัจจุบันนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 28-29 เหรียญต่อล้านบีทียู หากราคาแอลเอ็นจีขึ้นมาถึง 40 เหรียญต่อล้านบีทียู

เมื่อใดก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้พลเมืองรับรู้ อาทิเช่น ระบุเวลาเปิดปิดป้ายแอลอีดี ปิดแอร์ก่อนห้างปิดเป็นเวลา 30 นาที-1 ชั่วโมง การปรับเวลาเปิด-ปิด ในธุรกิจที่มีการใช้พลังงานสูงต้องรอพิจารณาอีกรอบ ซึ่งหากราคาพลังงานสูงขึ้นกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและสงวนพลังงานหรือ พพ. จะเป็นผู้ประเมิน อาทิเช่น ปิดปั๊มน้ำมัน ปิดร้านสะดวกซื้อ ธุรกิจที่ใช้ไฟสูง

“กพช.เห็นชอบการทบทวนการกำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า ตามหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า ประเทศไทย ปี 2554-2558 โดยให้มีการปรับปรุงข้อความการนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา 97 และเพื่อการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย”.