แต่ขึ้นกับรัฐบาล เจ้าสัวซีพี กล่าวว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้นำต้องกล้าถึงพาไทยรอด เจ้าสัวธนินท์ ลั่น เศรษฐกิจไทยปีถัดไป ดีมากยิ่งกว่าปีนี้แน่ แต่จะมาก หรือ น้อยขึ้นกับแนวทางของรัฐบาล พร้อมเปิดเผยสเปกผู้นำที่จะพาชาติไปข้างหน้าได้ จะต้องเป็นคนกล้า กล้าทำ กล้าลงมือทำ
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ บอกว่า เศรษฐกิจไทยปีถัดไป ดีมากยิ่งกว่าปีนี้แน่ๆ โควิดได้เปลี่ยนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่จะดีแค่ไหน มาก หรือ น้อยขึ้นกับแนวทางของรัฐบาล ที่จะหาโอกาสสำหรับเพื่อการล่อใจทั่วทั้งโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
หลังจากนี้ทุกอย่างจะฟื้นตัวอย่างเร็ว เนื่องจากว่าอย่างน้อยสถานีรถไฟ สนามบิน ท่าเรือต่างๆมิได้ถูกทำลายเสมือนสงครามโลกครั้งที่สอง หากแม้ทั่วทั้งโลกเผชิญกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเมือง น้ำท่วม อากาศ แต่แปลงเป็นว่า มีประโยชน์กับประเทศไทย เนื่องจากว่าทั่วทั้งโลกหันกลับมาดูอาเซียน และ ไทย ที่เป็นศูนย์กลาง “โอกาสมาแล้ว แต่ก็อยู่ที่รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นชุดเดิมหรือชุดใหม่ว่าจะช่วยทำอย่างไร ให้คว้าโอกาสตรงนี้ไว้ได้ ออกเงื่อนไขต่างๆ ดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุน”
ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ เจ้าสัวซีพี กล่าว
ทั้งนี้ในหัวข้อที่ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการออกข้อแม้ล่อใจต่างชาติให้เข้ามาลงทุน โดยอนุญาตให้ซื้อที่ดินในประเทศไทยได้นั้น ประธานอาวุโส CP คิดว่า เป็นการสร้างคุณประโยชน์ เนื่องจากว่าต่างชาติเอาเงินมาลงทุน ซึ่งดีมากยิ่งกว่าการท่องเที่ยวที่มาแล้วกลับ ซึ่งเป็นการเดินทางระยะสั้น แต่นี่เป็นการมาลงทุน มาสร้างงาน สร้างเงิน เนื่องจากว่าอย่างไรก็ดีเขาซื้อและก็นำกลับไปบ้านเขาไปมิได้ เนื่องจากว่าซื้อที่ดินซื้อบ้านปักหลักอาศัย
นอกเหนือจากนั้นยังควรที่จะล่อใจกลุ่มสตาร์ทอัพจากทั่วทั้งโลกให้เข้ามาอยู่ที่ประเทศไทยด้วย โดยคิดว่ารัฐบาลควรที่จะปลดล็อก ผ่อนคลายกฎระเบียบปฏิบัติต่างๆให้เข้ามาง่ายขึ้น เนื่องจากว่าจะทำให้ประเทศไทยมีคนเก่งจากทั่วทั้งโลกมาอาศัยอยู่ มาใช้ชีวิตในเมืองไทย และสร้างงาน สร้างผลกำไรให้กับประเทศไทย ซึ่งการเข้ามานั้นมิได้เป็นการแย่งงานชาวไทย เนื่องจากว่างานต่างๆพวกนี้ประเทศไทยยังขาดคนที่เข้ามาช่วยทำด้วย ทั้งยังยังไปสู่สังคมคนชราอีก แต่ทุกอย่างก็ขึ้นกับรัฐบาล
ขณะที่ข้อแม้หรือกฎที่จะต้องบรรเทา เพื่อล่อใจ และ ให้โอกาสให้สตาร์ทอัพนั้น ประธานอาวุโส CP คิดว่า ที่จริงแล้วจะต้องดูถึงความต้องการของสตาร์ทอัพเป็นที่ตั้ง และ ดูว่าประเทศใดที่สตาร์ทอัพถูกใจไปอยู่ เรียนข้อแม้ว่าเขาทำยังไง ประเทศไทยก็ดึงมาใช่ และ เสริมให้ดีมากยิ่งกว่า เอามาเปลี่ยนแปลงทำความเข้าใจและ ต่อยอด
สำหรับบริบทกิจการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ประธานอาวุโส CP คิดว่า ประเทศไทยต้องคบกับทุกประเทศ ไม่ยุ่งเรื่องการเมือง แต่เน้นไปที่คุณประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นมากที่สุด ซึ่งอเมริกาก็ยังเป็นผู้นำเศรษฐกิจของโลก แต่ตลาดที่ยิ่งใหญ่นั้นอยู่ที่จีน แต่เทคโนโลยีที่ดีที่สุดก็ยังอยู่ที่สหรัฐอมเริกา รวมถึงเรื่องการเงินด้วย ดังนั้นควรมีการสร้างสมดุลให้ได้
ประเทศไทยถือว่ามีโอกาสอยู่มากมายสำหรับเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นกับแนวทางของรัฐบาล อย่างไรก็ดีธนินท์ กล่าวตบท้ายถึงคุณสมบัติของผู้นำที่จะพาประเทศคว้าโอกาสต่างๆทั้งยังทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ สังคม และ ความสัมพันธ์ระหว่างชาติว่า จะต้องกล้าทำ กล้าตัดสินใจ เนื่องจากว่าทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ
“วันนี้จะให้คนเห็นพ้องกันทุกคนนั้นไม่มีทาง ต้องมีการมองต่างมุมกัน เราบังคับให้คนอื่นมองเหมือนเราไม่ได้ แต่ถ้าเรามั่นใจว่าตรงนี้ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่เพื่อส่วนรวม และ ขอให้ทำเพื่อประชาชน ผู้นำบางคนกลัวถูกโจมตี กลัวเสียชื่อเสียง แต่ถ้าไม่มีประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง ก็ต้องกล้าทำ ต้องมาเปลี่ยนแปลง เราไม่เปลี่ยนแปลงตามโลกที่เปลี่ยน เรายังมัวแต่ชักช้าก็ ถูกทิ้ง ไม่ว่าจะทำอะไร ขอให้ทำเพื่อส่วนรวม ทำเพื่อประชาชน สุดท้ายต้องเป็นคนที่กตัญญู เป็นคนดี และ รู้จักตอบแทนคุณแผ่นดิน” ธนินท์ กล่าวทิ้งท้าย
‘เจ้าสัวธนินท์’ ชี้ประเทศจะรุ่งเรืองหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับ ‘การศึกษา’ พร้อมเผย 6 ค่านิยมผลักดัน CP สู่ความสำเร็จ
เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ประเทศจะรุ่งเรืองหรือล้มเหลวขึ้นอยู่กับ ‘การศึกษา’ พร้อมเผยค่านิยม 6 ข้อที่ผลักดัน CP สู่ความสำเร็จ
วานนี้ (1 ธันวาคม) ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ ‘Challenge & Opportunities for the New Chapter of Education’ ในงาน Forum for World Education 2022 โดยระบุว่า ประเทศจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นอยู่ที่การศึกษาและ การสร้างคน
“ประเทศจะเจริญรุ่งเรืองได้ จะล้มเหลวได้ ก็เพราะการศึกษา ถ้าการศึกษาผิดพลาดถึงเป็นมหาอำนาจก็ล้มเหลวได้ หากการศึกษาถูกต้อง จากประเทศยากจนก็กลายเป็นมหาอำนาจได้ การศึกษาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด” ธนินท์กล่าว
ทั้งนี้ การประชุมสัมมนา Forum for World Education 2022 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Shaping The Future of Education To Match Global Economic Trends โดยสภาเพื่อการศึกษาระดับนานาชาติ (FWE) ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 เดือนธันวาคม 2565ในสถาบันผู้นำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยได้เชิญผู้นำด้านธุรกิจระดับนานาชาติที่ให้ความใส่ใจด้านการพัฒนาคน และ การศึกษา ร่วมประชุมพร้อมทั้งผู้นำด้านการศึกษาจากประเทศต่างๆกว่า 400 คน เพื่อระดมข้อคิดเห็นสำหรับเพื่อการออกแบบรูปแบบการศึกษาให้ตอบโจทย์อนาคต และ สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจในทุกประเทศทั่วทั้งโลก โดยตั้งเป้าหมายสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียน เตรียมตัวทรัพยากรมนุษย์ให้กล้าแกร่ง สร้างอนาคตเศรษฐกิจโลกยุค 5.0 ถัดไป
‘เจ้าสัว’ แนะบริษัทต่างๆสร้างผู้นำที่ทราบรอบด้าน
ธนินท์กล่าวอีกว่า การสร้างผู้นำในหน่วยงานปัจจุบันจะต้องสร้างเจ้าหน้าที่ที่ทราบรอบด้าน และ ทราบทุกเรื่องของบริษัทเปรียบได้ดั่งกับคำว่า ‘เถ้าแก่’ ในสมัยก่อน
โดยเผยออกมาว่า ก่อน CP จะตั้ง ‘สถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์’ ตนได้ไปดูงานมาแล้วหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น Samsung, GE, Boeing พร้อมยกแบบอย่าง Jack Welch อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ GE ว่ารู้เรื่องระบบบริหารเจ้าหน้าที่เดิมของบริษัทอเมริกัน ที่จะแบ่งรูปร่างของบุคลากรแต่ละคนอย่างชัดเจน โดยบุคลากรแต่ละส่วนก็ไม่จำเป็นที่ต้องทราบเนื้องานของอีกส่วน ทำให้เมื่อผู้นำคนเก่าเกษียณไป ก็จะทำให้บริษัทขาด CEO
“Jack Welch ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านปิโตรเคมี สุดท้ายได้ทำทุกอย่างทุกเรื่อง หลังพบว่าคนอื่นขายของไม่เป็น ไม่เข้าใจ เขาก็ต้องลงไปขาย ไปผลิต ไปทำทุกอย่าง ทั้งดูเรื่องกำไร ขาดทุน สร้างคน ทำให้เขารู้ว่าองค์กรที่ยิ่งใหญ่ ถ้าไม่สร้างผู้นำที่รู้หลายๆ เรื่อง พอผู้นำคนเก่าเกษียณไปแล้วก็จะทำให้บริษัทขาด CEO ไป” ธนินท์กล่าว
ธนินท์กล่าวอีกว่า ระบบการต้องแบ่งงานดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทกังวลว่า การสร้างผู้นำที่รู้ทุกเรื่องสุดท้ายจะถูกบริษัทอื่นซื้อตัวไป แต่ CP ไม่กลัว และ จะสอนคนทุกเรื่อง ตั้งแต่บัญชี กำไร ขาดทุน บุคคล การผลิต การประชาสัมพันธ์ จึงมีคนถามผมว่า สอนขนาดนี้ไม่กลัวเหรอว่าเขาจะออกไป ผมบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเขาไปแล้วมีอนาคตมากกว่าอยู่ที่ CP เท่ากับเราสร้างคนให้สังคม