ธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด ) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง จากการประชุม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ( FOMC ) ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ลงในวันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ตรงเวลาสหรัฐ โดยระบุว่า เมื่อไม่นานมานี้มีสัญญาณชี้ ว่าการใช้จ่าย และการผลิตขยายตัวขึ้นเล็กน้อย
ขณะที่จำนวนการจ้างแรงงานปรับตัวขึ้น อย่างเข้มแข็ง ในตอนนับเป็นเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราไม่มีงานทำยังคงอยู่ในระดับที่ถือว่าต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง
การที่ รัสเซีย ใช้ความรุนแรงทหารรุกราน ยูเครน นั้น กำลังก่อให้เกิดผลกระทบอย่างหนัก ต่อทั้งพลเมือง และเศรษฐกิจ และกำลังนำมาซึ่งการทำให้ความไม่แน่นอนทั้งโลกเพิ่มขึ้นอย่างเร็ว ซึ่งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน สนใจเรื่องการเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออย่างใหญ่โต
ธนาคารกลางสหรัฐ คณะกรรมการ กำหนดนโยบายการเงิน พยายามหาหนทางที่จะบรรลุเป้าหมายการว่าจ้าง
อย่างเต็มประสิทธิภาพ และอัตราเงินเฟ้อ ที่ระดับ 2% ในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมวัตถุประสงค์ดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราค่าดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้น 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% และคาดว่า การปรับเพิ่มกรอบจุดมุ่งหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก ในวันข้างหน้า
นั้นจะเกิดเรื่องที่สมควร โดยมีจุดหมาย เพื่อการดูแลและรักษาจุดยืนด้านแผนการ ซึ่งก็เป็นการลดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
สำหรับเพื่อการกำหนดขนาดของการปรับขึ้นกรอบจุดมุ่งหมายอัตราดอกเบี้ยในอนาคตนั้น คณะกรรมการฯ จะตรึกตรองถึงการคุมเข้มนโยบายการเงิน ที่ได้ดำเนินการอย่างสม่ำเสมอมาแล้วหลายหน และ พิจารณาถึงหลักสำคัญที่ว่าการชะลอนโยบายการเงินจะส่งผลเสียเช่นไรต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งเหตุการณ์ด้านเศรษฐกิจและการคลัง
นอกจากนั้น คณะกรรมการ จะยังคงปรับลดการถือสิทธิ์ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และตราสารหนี้ ที่มีสินเชื่อที่อาศัยเป็นประกันการจำนำ (MBS) ตามที่ได้ชี้แจงไว้ในกลยุทธ์ปรับลดขนาดงบดุลบัญชีของเฟด (Plans for Reducing the Size of the Federal Reserve’s Balance Sheet) ซึ่งมีการประกาศ ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยคณะกรรมการมีความมุ่งมั่นที่จะมีผลให้อัตราเงินเฟ้อ กลับสู่วัตถุประสงค์ที่ระดับ 2%
ส่วนในการประเมินหนทางที่เหมาะสมของนโยบายการเงินนั้น คณะกรรมการจะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจ ที่จะได้รับในภายหน้า ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ จะเตรียมความพร้อมเพื่อปรับแนวทางนโยบายการเงินตามสมควร ถ้าหากพบว่ามีการเสี่ยงที่จะทำให้เฟดไม่อาจจะสำเร็จตามเป้าหมายต่างๆ ของคณะกรรมการฯ
โดยคณะกรรมการฯ จะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมทั้งข้อมูลด้านสาธารณสุข สภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดัน ด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาสถานการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ในต่างประเทศ
สำหรับกรรมการเฟด ผู้ที่ออกเสียงส่งเสริม การดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC สำหรับการประชุมคราวนี้ เช่น เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด, ไมเคิล เอส บาร์, มิเชล ดับเบิลยู โบว์แมน, ลาเอล เบรนาร์ด, ลิซา ดี คุก, ออสแทน ดี กูลส์บี, แพทริก ฮาร์เกอร์, ฟิลิป เอ็น เจฟเฟอร์สัน, นีล แคชคารี, โลรี เค โลแกน และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์
‘เฟด’ ขึ้น ดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณคุมเงินเฟ้อต่อเนื่อง
ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ย นโยบายที่ 0.25% ในวันพุธ นับเป็นการปรับขึ้น ดอกเบี้ย ครั้งแรกปีนี้ เพื่อสกัดความร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงสุดในรอบ 40 ปีของสหรัฐฯ ตามรายงานของรอยเตอร์
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของระบบธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติขึ้น ดอกเบี้ย นโยบาย 0.25% ที่ 4.50%-4.75% และเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด
เฟด ยืนยันว่าการเดินหน้าขึ้น ดอกเบี้ย ในกรอบเป้าหมายมีความเหมาะสมต่อการควบคุมเงินเฟ้อ โดยในแถลงการณ์ในวันพุธส่งสัญญาณว่าการขึ้น ดอกเบี้ย ในรอบหน้าอาจอยู่ในระดับ 0.25%
ที่ผ่านมา เฟด หวังเดินหน้าควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่กรอบเป้าหมายที่ 2% โดยที่ไม่นำพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย หรือส่งผลให้อัตราว่างงานในประเทศพุ่งสูงจากระดับ 3.5% ในปัจจุบัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่องในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา
ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เฟด ไม่ได้ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ระบุเพียงว่าเศรษฐกิจอเมริกันยังมีการเติบโตพอประมาณ และตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง
โดยฝ่ายกำหนดนโยบายการเงินสหรัฐฯ ยังคง “ระมัดระวังอย่างมากในด้านความเสี่ยงเงินเฟ้อ” เนื่องจากปัจจัยสงครามยูเครนยังคงผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจระดับโลก