เปิดรายละเอียด แถลงการณ์ประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ เดือนก.พ. 2566
ธนาคารกลางสหรัฐ ( เฟด ) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง จากการประชุม คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ( FOMC ) ซึ่งเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ตรงเวลาสหรัฐ โดยกล่าวว่า เมื่อไม่นานมานี้มีสัญญาณระบุ ว่าการใช้จ่าย และการผลิตขยายตัวขึ้นนิดหน่อย
ขณะที่ตัวเลขการจ้างแรงงานปรับตัวขึ้น อย่างหนักแน่น ในตอนหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังคงอยู่ในชั้นสูง
การที่ รัสเซีย ใช้ความรุนแรงทหารรุกราน ยูเครน นั้น กำลังมีผลเสียอย่างรุนแรง ต่อทั้งประชาชน และเศรษฐกิจ และกำลังส่งผลให้ความไม่แน่นอนทั้งโลกมากขึ้นอย่างเร็ว ซึ่งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน มีความสนใจเรื่องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออย่างมากมาย
ธนาคารกลางสหรัฐ คณะกรรมการ กำหนดนโยบายการเงิน พยายามหาทางที่จะบรรลุเป้าหมายการว่าจ้าง
อย่างเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อ ที่ระดับ 2% ในระยะยาว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือจุดหมายดังกล่าว คณะกรรมการฯ ได้ตัดสินใจปรับเพิ่มกรอบจุดมุ่งหมายอัตราค่าดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้น 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% และคาดว่า การปรับเพิ่มกรอบจุดหมายอัตราค่าดอกเบี้ยขึ้นอีก ในในภายหน้า
นั้นจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยมีเป้าหมาย เพื่อการดูแลและรักษาจุดยืนด้านหลักการ ซึ่งก็คือการลดเงินเฟ้อให้กลับสู่วัตถุประสงค์ที่ระดับ 2%
สำหรับในการระบุขนาดของการปรับขึ้นกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยในอนาคตนั้น คณะกรรมการฯ จะพินิจถึงการคุมเข้มนโยบายการเงิน ที่ได้ปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอมาแล้วหลายที และ พิจารณาถึงประเด็นที่ว่าการชะลอนโยบายการเงินจะก่อให้เกิดผลเสียอย่างไรต่อกิจบาปทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งเหตุการณ์ด้านเศรษฐกิจและการคลัง
นอกจากนั้น คณะกรรมการ จะยังคงปรับลดการถือสิทธิ์ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และตราสารหนี้สิน ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนำ (MBS) ตามที่ได้อธิบายเอาไว้ในกลยุทธ์ปรับลดขนาดงบดุลบัญชีของเฟด (Plans for Reducing the Size of the Federal Reserve’s Balance Sheet) ซึ่งมีการประกาศ ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยคณะกรรมการมีความตั้งใจที่จะทำให้อัตราเงินเฟ้อ กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%
ส่วนสำหรับในการประเมินทางที่เหมาะสมของนโยบายการเงินนั้น คณะกรรมการจะยังคงจับตาข้อมูลแนวโน้มเศรษฐกิจ ที่จะได้รับในวันข้างหน้า ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ จะเตรียมความพร้อมเพื่อปรับวิถีทางนโยบายการเงินตามความเหมาะสม ถ้าพบว่ามีความเสี่ยงที่จะก่อให้เฟดไม่อาจจะประสบความสำเร็จต่างๆ ของคณะกรรมการฯ
โดยคณะกรรมการฯ จะประเมินข้อมูลในวงกว้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลด้านสาธารณสุข สภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดัน ด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงการพิจารณาเหตุการณ์ทางการเงิน และสถานการณ์ในต่างประเทศ
สำหรับกรรมการเฟด ผู้ที่ออกเสียงเกื้อหนุน การดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมคราวนี้ อย่างเช่น เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด, ไมเคิล เอส บาร์, มิเชล ดับเบิลยู โบว์แมน, ลาเอล เบรนาร์ด, ลิซา ดี คุก, ออสแทน ดี กูลส์บี, แพทริก ฮาร์เกอร์, ฟิลิป เอ็น เจฟเฟอร์สัน, นีล แคชคารี, โลรี เค โลแกน และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์
‘เฟด’ ขึ้น ดอกเบี้ย 0.25% ส่งสัญญาณคุมเงินเฟ้อต่อเนื่อง
ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ย นโยบายที่ 0.25% ในวันพุธ นับเป็นการปรับขึ้น ดอกเบี้ย ครั้งแรกปีนี้ เพื่อสกัดความร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงสุดในรอบ 40 ปีของสหรัฐฯ ตามรายงานของรอยเตอร์
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของระบบธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติขึ้น ดอกเบี้ย นโยบาย 0.25% ที่ 4.50%-4.75% และเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด
เฟด ยืนยันว่าการเดินหน้าขึ้น ดอกเบี้ย ในกรอบเป้าหมายมีความเหมาะสมต่อการควบคุมเงินเฟ้อ โดยในแถลงการณ์ในวันพุธส่งสัญญาณว่าการขึ้น ดอกเบี้ย ในรอบหน้าอาจอยู่ในระดับ 0.25%
ที่ผ่านมา เฟด หวังเดินหน้าควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่กรอบเป้าหมายที่ 2% โดยที่ไม่นำพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย หรือส่งผลให้อัตราว่างงานในประเทศพุ่งสูงจากระดับ 3.5% ในปัจจุบัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับลดลงต่อเนื่องในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา
ในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เฟด ไม่ได้ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ระบุเพียงว่าเศรษฐกิจอเมริกันยังมีการเติบโตพอประมาณ และตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง
โดยฝ่ายกำหนดนโยบายการเงินสหรัฐฯ ยังคง “ระมัดระวังอย่างมากในด้านความเสี่ยงเงินเฟ้อ” เนื่องจากปัจจัยสงครามยูเครนยังคงผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจระดับโลก